| | | | |
ปลาปักเป้า ปลาปักเป้า
หรือ Puffer fish เป็นปลาชนิดหนึ่งที่พบได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม
พบ ได้ทั่วไปทั้งในประเทศที่มีอากาศร้อน และอบอุ่น ในประเทศไทยปลา ปักเป้าน้ำจืด
เช่น ปลาปักเป้าเขียว ปลาปักเป้าเหลือง ปลาปักเป้าทองพบได้ตามแหล่งน้ำต่าง
ๆ เช่น หนอง คลอง บึง และตามแม่น้ำ สายต่าง ๆ ส่วนปลาปักเป้า หนามทุเรียนปลาปักเป้าหลังแดง
ปลาปักเป้าหลังแก้ว ปลาปักเป้าดาว ฯลฯ เป็นปลาปักเป้าทะเล พบในอ่าวไทย ตามปรกติปลาปักเป้าจะมีสภาพเหมือนปลาทั่วไป
มีหนามสั้น หรือยาวแล้วแต่ชนิด หากถูก รบกวนจะพอง ตัวโตขึ้นมีรูปร่างคล้ายลูกโป่ง
หรือลูกบอลลูน หรือ คล้ายผลทุเรียนลูกกลม ๆ มีหนามแหลม ๆ สั้นหรือยาว ได้อย่างชัดเจนทางด้านวิชาการได้จัดแบ่ง
ปลาปักเป้า ไว้ 2 วงศ์ ได้แก่ Tetraodontidae ลักษณะปลา
ปักเป้าในวงศ์นี้ จะมีฟัน 4 ซี่ มีผิวตัวค่อน ข้างเกลี้ยง อีกวงศ์หนึ่งเรียกว่า Diodontidae
ในวงศ์นี้ มีฟัน 2 ซี่คล้ายจงอยปากนกแก้ว และมีหนามรอบตัว เห็นได้ชัดเจนกว่าชนิดแรก
ในประเทศไทยมีปลาปักเป้าทั้งชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำจืดและน้ำเค็ม รวมกันประมาณราว
20 ชนิด ปลาปักเป้าทะเล (marine puffer fish ) มีชื่อเรียกต่างกันไป
ได้แก่ toad fish, globe fish, toado , swell fish, porcupine fish และ balloon fish
เป็นต้นปลาปักเป้าทะเลเป็นที่รู้จักดีและ
คุ้น เคยของชาวประมง ถ้าพบเห็นบนเรือลากอวนเขามักจะทำลายมันทิ้ง หรือ โยนมันกลับลงไปในทะเลในประเทศญี่ปุ่นเรียก
ปลาชนิด นี้ว่า " fugu " เนื้อปลาปักเป้าสดตามภัตตาคารใหญ่
ๆ มีราคาสูงมาก เนื่องจากชาวญี่ปุ่นนิยม รับประทานกัน มาก เนื้อปลาปักเป้าสดที่จำหน่ายจะต้องเตรียมโดยผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะ
เป็นอย่างดีเพื่อลด อันตราย จากพิษของปลาให้มากที่สุด แม้กระนั้น ในช่วง 20 ปีระหว่างปี
ค.ศ. 1955-1975 มีผู้บริโภคเนื้อปลาปักเป้าเป็นพิษรวม 3,000 ราย ในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตถึง
ร้อยละ 51 เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ เนื้อปลาปักเป้าเป็น ที่นิยมของชาวญี่ปุ่นก็คือเนื้อปลามีรสชาดที่วิเศษ
หวาน กรุบ และอร่อยดี การรับประทานก็โดยเตรียมสดๆ หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ นักสำรวจทางเรือผู้ยิ่งใหญ่ชาวอังกฤษชื่อ
Captain James Cook ก็เกือบเสียชีวิตจากพิษปลาปักเป้า
(puffer fish poisoning) บนเกาะ New Caledonia เมื่อวันที่ 7 กันยายน ปี ค.ศ. 1774
หรือ พ.ศ. 2317 มาแล้ว สำหรับประเทศไทย
มีผู้ได้รับพิษจากการบริโภคปลาปักเป้าทั้งชนิดน้ำจืด และชนิดน้ำเค็ม ซึ่งมีรายงานทางการแพทย์บ้างเป็นครั้งคราว
โดยมีรายงานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 เรื่อยมา โดยเฉพาะรายงานผู้ป่วยในภาคอิสาน ชาวบ้านจะนำปลาปักเป้าน้ำจืดที่จับ
ได้จาก หนองน้ำ ลำธาร มาต้มหรือย่าง และแบ่งรับ ประทานกันและเกิดพิษขึ้น
และเมื่อ ปี พ.ศ. 2544 มีข่าวลูกเรือชาวประมง 6 รายเสียชีวิตจากการบริโภคเนื้อและ
เครื่องในปลาปักเป้าทะเล ความเป็นพิษ : พิษปลาปักเป้ามีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า
tetrodotoxin (TTX) มีสูตรเคมี คือ C11H17O8N3
มีน้ำหนักโมเลกุล 319.3 ขนาดที่ทำให้มนุษย์เสียชีวิต( human lethal dose ) ประมาณ
2 มิลลิกรัม ปลาปักเป้าทะเลมีพิษมากที่สุด ในส่วนของ ไข่ ตับ ลำไส้ หนัง ส่วนที่เป็นเนื้อปลาจะมีพิษน้อยมาก
หรือไม่มีเลย พิษจะมากในช่วงฤดูปลาวางไข่ ส่วนปลาปักเป้าน้ำจืด ปลาแต่ละตัวจะมีพิษแตกต่างกันมากพิษจะมีมากที่สุดในหนังปลา
รองลงมาเป็นไข่ปลา เนื้อปลา ตับ และลำไส้ ตามลำดับ ปลาปักเป้าน้ำจืดที่ชาวอิสานบริโภคเป็นประจำ
คือ Tetraodon fangi
และ Tetraodon palembangensis
ชนิดหลังนี้ ลักษณะตามลำตัวจะเห็นเป็นลายเส้นสี ดำคล้ายตาข่ายอยู่ทั่วลำตัวและหัว ปัจจุบันจากการศึกษาพบว่าพิษปลาปักเป้าน้ำจืดในประเทศไทยบางชนิดยังประกอบด้วย
saxitoxin(STX) ซึ่งเป็น Shellfish paralytic toxin
(STP) ชนิดหนึ่ง เป็นส่วนใหญ่ ทั้ง
tetrodotoxin และ saxitoxin มีฤทธิ์คล้ายคลึงกัน พิษ tetrodotoxin มีีความคงทนต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี
ขนาดความร้อนที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ต้มนาน 10 นาที พิษก็ยังคงสภาพดีอยู่เหมือนเดิม
ลักษณะอาการในผู้ได้รับพิษ:อาการพิษที่เกิดขึ้นหลังจากกินปลาปักเป้า
ประมาณ 10-45 นาที บางรายอาจนานถึง 4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณของพิษที่ผู้ป่วยได้รับเข้าไป
อาการ เป็น พิษอาจแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ระยะแรก : ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการชาที่ริมฝีปาก
ลิ้น บริเวณใบหน้า ปลายนิ้วมือ คลื่นไส้ อาเจียน ระยะที่สอง : มีอาการชามากขึ้น
อ่อนเพลีย แขนขา ไม่มีแรง จนเดินหรือยืนไม่ได้ Reflex ยังดีอยู่ ระยะที่สาม
: มีกล้ามเนื้อกระตุกคล้ายกับชัก มีอาการ ataxia พูดลำบาก ตะกุกตะกักจนพูดไม่ได้
เนื่องจากสายกล่องเสียงเป็นอัมพาต ระยะนี้ผู้ป่วยยังรู้สึก ตัวดี ระยะที่สี่
: กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต หายใจไม่ออก ไม่รู้สึกตัว รูม่านตาขยายโตเต็มที่ ไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง
ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หัวใจจะหยุดเต้น และเสียชีวิต ในเวลาอันรวดเร็ว อย่างไรก็ตามผู้ป่วย
ที่ได้รับสารพิษ tetrodotoxin เข้าไปไม่มาก จะมีอาการ เพียงระยะแรกหรือระยะที่สอง
ในรายที่ได้รับพิษจำนวนมากจะ มีอาการรุนแรง ภายใน 15 นาทีแรกและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันยังไม่มียาแก้พิษ
( antidote) โดยเฉพาะ จำเป็น ต้องให้การรักษา ผู้ป่วย แบบประคับประคอง จนกระทั่งพิษจะถูกขับ
ออกจากร่างกายทางไต จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการ ดีขึ้น
การป้องกัน : โดยไม่รับประทานปลาปักเป้าทุกชนิด
เอกสารอ้างอิง : 1. Fowler ME. Veterinary. Zootoxicology.Florida : CRC
Press, Inc., 1993:29-31. 2. Torda TA, Sinclair E, Ulyatt DB. Puffer fish (tetrodotoxin)
poisoning: clinical record and suggested management. Med J Aust 1973; 1: 599-602.
3. ทัศนีย์ จงศุภชัยสิทธิ์. ปลาปักเป้า. ใน:มุกดา ตฤษณานนท์, บก. สัตว์มีพิษและการรักษาพิษสัตว์.กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์พิฆเณศ,
2522:179-89. 4. ศุภชัย รัตนมณีฉัตร, วิทูร อัตนโถ, ชุษณะ มะกรสาร และคณะ. พิษปลาปักเป้า:รายงานผู้ป่วย
1 ราย. สารศิริราช 2524;33:227-30. 5. ยงยุทธ กัมพูพงศ์. พิษปลาปักเป้า:รายงานผู้ป่วย
1 ราย. พุทธชินราชเวชสาร 2539:13:220-5. 6. รัตนาพร ภิญโญสโมสร, วรพันธุ์ พิไชยแพทย์.พิษปลาปักเป้า,
รายงานผู้ป่วย 2 ราย. เวชสารโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา 2533;13:19-23. เขียนและเรียบเรียงโดย: ประพันธ์
เชิดชูงาม, วทบ, DAP&E, MPH ,
ศุภชัย รัตนมณีฉัตร , พบ, สม ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
| |